วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Dr.STRANGE

ประวัติของหมอแปลกแห่ง Marvel


Dr._Strange_the_surgeon (1)
Dr.Strange ขณะกำลังปฏิเสธคนไข้

ดร.สตีเฟ่น เสตรนจ์ สุดยอดคุณหมอผู้เป็นมือหนึ่งทางด้านศัลยกรรม และเป็นคุณหมอที่มีคนอยากจะมารักษาตัวกับเขามากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยความหยิ่งและทะนงตนว่าตัวข้านี้แน่ จึงทำให้เข้าเลือกรักษาแต่เฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียงและคนรวยเท่านั้นเพราะเขามองว่าคนพวกนี้จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขายิ่งกระจายไปสู่วงกว้างมากขึ้น
แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุที่ทำให้มือทั้งสองข้างใช้การไม่ได้ จึงทำให้เขาต้องออกเดินทางตามหาวิธีการมารักษามือให้หายเป็นปกติอีกครั้ง

เส้นทางสู่สุดยอดจอมขมังเวทย์


doctor-strange-acid-trip-interview
หมอแปลกขณะกำลังต่อสู้กับเหล่าวิญญาณ

ดร.สเตรนจ์ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามือของเขาจนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ยินเรื่องราวของ The Ancient One ผู้วิเศษที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย เขาจึงได้ตัดสินใจเพื่อเดินทางไปหาผู้วิเศษท่านนี้เพื่อให้เขาช่วยรักษามือให้หายกลับมาเป็นปกติ แต่ The Ancient One กลับปฏิเสธไม่ยอมรักษามือให้เพราะมองเห็นความโลภในจิตใจของ ดร.สเตรนจ์ที่มีมากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กล่าวกับ ดร.สเตรนจ์ว่าจะช่วยสอนเวทย์มนต์ให้เป็นการทดแทน
ด้วยความที่เขาเป็นหมอที่ร่ำเรียนมาทางสายวิทย์อยู่ดีๆ มาเจอเรื่องทรงเจ้าเข้าผีปลุกข้าวสารเสก ย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดาและบวกกับการที่เขาโดนหลอกต้มจากคนอืนเรื่องรักษามือให้กลับมาเป็นปกติเขาจึงหมดความอดทนและเดินทางกลับ
แต่เหมือนกลับโชคชะตาต้องการให้เขาเป็นจอมเวทย์สูงสุดระหว่างที่เขากำลังจะเดินทางกลับก็ได้เกิดพายุขึ้นทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องพักอยู่กับ The Ancient One และ Mordo ลูกศิษย์ของเขา ผู้ที่ในภายหลังจะกลายมาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของ ดร.สเตรนจ์

Karl_Mordo_(Earth-616)_from_Marvel_War_of_Heroes_001
Mordo ศัตรูร้ายของหมอแปลก

ในคืนนั้นเอง Mordo ลูกศิษผู้ชั่วร้ายได้พยายามที่จะสังหารอาจารย์ของเขา ดร.สเตรนจ์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและต้องการจะช่วยเหลือ The Ancient One ด้วยการเปิดโปงแผนชั่วของ Mordo เลยทำให้เขานั้นถูกร่ายคาถาปิดปากไม่ให้พูด
The Ancient One มองเห็นความกล้าหาญที่แท้จริงของ ดร.สเตรนจ์และเปิดเผยว่าสเตรนจ์มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นจอมเวทย์สูงสุดได้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจยอมเข้ารับการฝึกสอนจาก The Ancient One
ดร.สเตรนจ์ฝึกฝนอยู่กับ The Ancient One นานหลายปีจนเขาสามารถที่จะดึงเอาพลังของเทพลึกลับสามองค์ (Agamotto,Hoggoth,Oshtur) ออกมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงแหล่งพลังอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเทพและปีศาจ จึงทำให้เขาถอดจิตวิญญาณได้ นอกจากนี้เขายังได้รับพลังจากอุปกรณ์ติดตัวของเขาไม่ว่าจะเป็น Eye of Agamotto ที่ทำให้ผู้ใช้งานมีพลังในการมองเห็นความจริง หรือ Cloak of Levitation ที่สามารถทำให้เขาลอยได้

หมอแปลกสู่อเมริกา

download
ดร.สเตรนจ์เดินทางกลับสูอเมริกาและเริ่มอาชีพทางด้านไสยศาสตร์(เปลี่ยนจากหมอมาเป็นหมอผีแทน) พร้อมด้วยผู้ติดตามนามว่า Wong โดยทั้งคู่อาศัยอยู่ในคฤหาสเวทย์มนต์ที่ไม่มีใครล่วงล้ำได้หากหมอแปลกไม่อนุญาต
ที่อเมริกาหมอแปลกได้ร่วมผจญภัยไปกับฮีโร่ต่างๆ และได้รวมทีมกับสุดยอดฮีโร่อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น New Avengers,Defender และ Illuminati เป็นต้น ซึ่งเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ส่วนมากก็มักจะมาขอความช่วยเหลือจากหมอแปลกเสียเป็นส่วนใหญ่หากถูกรังควานจากพลังงานลึกลับที่มองไม่เห็น
ศัตรูคู่อาฆาตของหมอแปลกนอกจาก Mordo แล้วก็ยังมี Dormammu ปีศาจร้ายผู้มาจากมิติแห่งความมืดโดยเขาได้รับความช่วยเหลือจาก Clea เจ้าหญิงจากมิติมืดในการปราบเจ้าอสูรร้ายตนนี้ก่อนที่ทั้งคู่จะตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
แนวทางที่น่าจะเป็นของหมอแปลกบนจอเงิน
ล่าสุดนี้ได้มีการปล่อยตัวอย่างออกมาเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยกับภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange ที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเราเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ Phase 3 ของ Marvel ซึ่งจากการคาดเดาของผู้เขียนโดยอาศัยตัวอย่างภาพยนร์เรื่องนี้ประกอบนั้นจะเห็นได้ว่า Doctor Strange ในเรื่องนี้น่าจะยังไม่ได้เป็นจอมเวทย์เต็มตัวและเราคงจะได้รู้ถึงที่มาของพลังอันน่ามหัศจรรย์ของ Doctor Strange ผู้นี้ในโรงภาพยนตร์
ในท้ายบทความนี้ทาง Rabbit Daily ได้นำเอาตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange มาให้คุณผู้อ่านทุกท่านได้ติดตามรับชมกันหากมีข่าวคราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทาง Rabbit Daily จะรีบนำมาเสนอให้คุณผู้อ่านได้ติดตามอย่างรวดเร็ว

Captain Marvel



CAPTAIN MARVEL (CAROL DANVERS) – ประวัติตัวละคร


ชื่อ : Captain Marvel (Carol Danvers)
Captain Marvel ซุปเปอร์ฮีโร่สาวสุดแข็งแกร่งที่โลดแล่นในหนังสือการ์ตูนมาแล้วกว่า 50 ปี มีประวัติค่อนข้างที่จะซันซ้อนอยู่ไม่น้อย โดยเธอถูกเปลี่ยนประวัติความเป็นมาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้แอดลังเลอยู่ว่าจะเขียนสรุปออกมาเป็นไทม์ไลน์ไหน ซึ่งประวัติที่จะได้อ่านต่อไปนี้แอดขอตัดเนื้อหาในส่วนที่ไม่น่าจะถูกนำไปใช้ในหนังออกไปโดยจะพยายามเรียบเรียงมาให้ใกล้เคียงและเกี่ยวข้องกับจักรวาลหนัง MCU มากที่สุดนะครับ

ประวัติ CAPTAIN MARVEL

Captain Marvel ชื่อจริงของเธอคือ Carol Danvers เธอทำงานให้กับกองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกาและหลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเข้าทำงานที่องค์กร NASA โดยหน้าที่ของเธอคือป้องกันโลกจากการรุกรานจากต่างดาว ทำให้ต้องต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวอยู่หลายคน แต่มีอยู่ครั้งหนึงที่เธอพลาดท่าโดยมนุษย์ต่างดาวชื่อ Yon-Rogg จับตัวไปแต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Mar-Vell มนุษย์ต่างดาวชาว Kree ที่ปลอมตัวอยู่ในหน่วยงานเดียวกับเธอ (เป็นตัวละครแรกที่ใช้ชื่อว่า Captain Marvel) ทำให้ Carol Danvers หนีออกมาได้แต่ทว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่เครื่องมือของ Yon-Rogg แรงระเบิดทำให้ยีนของเธอมาผนวกเข้ากับยีนของ Mar-Vell ทำให้ Carol Danvers กลายพันธุ์เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์โลกและชาว Kree ซึ่งทำให้เธอมีพลังเหมือนกับ Mar-Vell ทั้งพลังกำลัง ความสามารถในการบิน และเธอจึงได้ตัดสินใจจะเดินรอยตาม Mar-Vell จนได้เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ในชื่อของ Ms.Marvel หลังจากนั้นเธอก็ได้ร่วมทีมกับฮีโร่มากมาย หลากหลายทีม ผ่านเรื่องราวต่างๆมากมายและยังมีเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งที่ดาร์คเอามากๆ (แอดขอไม่เล่าตรงจุดนี้นะครับ เพราะน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวกับหนังมากนัก)
จนเมื่อปี 2012 ทางสำนักพิมพ์ Marvel ได้เปลี่ยนชื่อ Ms.Marvel มาเป็น Captain Marvel แบบเต็มตัวและได้รับความนิยมมากๆในหมู่ผู้อ่านที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นจุดผลักดันให้กระแสนิยมฮีโร่หญิงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ในปัจจุบัน Captain Marvel มีบทบาทได้เป็นผู้นำทีม Avengers อยู่บ่อยครั้ง และยังได้ร่วมทีมกับแก๊งพิทักษ์จักรวาลอย่าง Guardians of the galaxy อีกด้วย ประวัติที่มาของ Captain Marvel ก็มีเพียงเท่านี้นะครับ เพราะในช่วงแรกๆเธอยังไม่มีบทเด่นเท่าซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่้นๆส่วนใหญ่จะเข้าไปแจม ร่วมทีมใน Event ต่างๆเสียมากกว่าและเพิ่งจะมามีบทเด่นๆก็หลังจากปี 2012 นี้เอง และล่าสุด Captain Marvel ก็ได้ถูกเปลี่ยนประวัติความเป็นมาในหนังสือการ์ตูนอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ (ประมาณปีที่แล้ว) ซึ่งแอดยังหาข้อมูลทั้งหมดมาไม่ได้เพราะหาซื้อหนังสือการ์ตูนอ่านไม่ได้นั่นเอง ทีนี้เรามาดูลักษณะนิสัยและความสามารถของเธอกันครับ

ลักษณะนิสัย CAPTAIN MARVEL

Carol Danvers เธอเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ แต่ขี้วิตกกังวล แต่ก็มีความมุมานะ และดื้อรั้นในเวลาเดียวกัน แต่ในช่วงหลังๆเธอจะมีความเป็นผู้นำสูงแบบสุดโต่งจนทำให้เกิดเรื่องราวไม่ดีตามมาหลังจากที่เธอตัดสินใจอะไรไปก็ตาม เช่นใน Event Civill War 2 (เพื่อนๆสามารถหาฟังเรื่องราวของ Civill War 2 ได้ที่ Youtube ช่องของ Necross Melphist )
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

พลัง CAPTAIN MARVEL

  • Superhuman Strength : โดยปกติความแข็งแกร่งของ Captain Marvel นั้นจะอยู่ในระดับ 50 แต่เนื่องจากเธอมีความสามารถในการดูดซับพลังงานต่างๆมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเธอได้ พละกำลังของเธอจึงสามารถที่จะแตะระดับ 100 ได้ชั่วคราวในบางครั้ง
  • Superhuman Stamina : กล้ามเนื้อของแครอลผลิตสารเคมีที่มีความพิเศษโดยเธอสามารถที่จะออกแรงต่อสู้โดยไม่หยุดพักเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมงก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกเหนื่อย แต่อย่างไรก็ตาม เธอสามารถดูดซับพลังงานต่างๆรอบๆตัวเธอมาเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ตลอดเรื่อยๆ
  • Superhuman Durability : Captain Marvel มีความสามารถในการทนต่อการโจมตีทางกายภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระสุน ระเบิด และยังสามารถทนต่อสถานการณ์ที่เลวร้าย เช่น ในสูญญากาศ สามารถที่จะสัมผัสต่ออุณหภูมิร้อนๆหรือเย็นสุดขั้วได้ สามารถที่จะทนต่อแรงกดดันหรือแรงกระแทกอย่างมหาศาลโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
  • Superhuman Agility : มีความคล่องแคล่วและความสมดุลของร่างกายที่สูงเกินกว่าขีดจำกัดของมนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้
  • Superhuman Reflexes : มีการตอบสนองต่อสถานการณ์และภัยคุกคามต่างๆที่รวดเร็ว
  • Superhuman Speed : สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
  • Flight : สามารถบินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ปรากฏสถิติที่แน่ชัด แต่ Captain Marvel เคยบินด้วยความเร็วของเสียงเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมงได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่เหนื่อยเลย
  • Contaminant Immunity : มีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษต่างๆ
  • Photogenic Blast : แครอลมีความสามารถในการยิงพลังงานแสงที่สร้างแรงสั่นสะเทือนที่มีประสิทธิภาพผ่านปลายนิ้วและมือของเธอ
  • Energy Absorption : เธอมีความสามารถในการดูดซับพลังงานต่างๆเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง แม่แต่แรงระเบิดจากนิวเคลียร์ทั้งหมดเธอก็สามารถที่จะดูดซับได้
  • Regenerative Healing Factor : สามารถรักษาอาการบาดเจ็บต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
  • Miner Molecular Control : สามารถที่จะควบคุมโมเลกุลได้นิดหน่อย เช่น สามารถเปลี่ยนแปลงเสื้อผ้าปกติของตัวเองให้อยู่ในเครื่องแบบประจำของ Captain Marvel ได้

CAPTAIN AMERICA ฮีโร่ผู้รักชาติ

CAPTAIN AMERICA ฮีโร่ผู้รักชาติ

captain_america_comic_book_art_01
“สตีฟ โรเจอร์ส” เป็นเพียงเด็กช่างศิลป์ตัวสูงโย่งผอมกะหร่องผู้อ่อนแอ มีเพียงความสามารถในการวาดภาพ เมื่อภัยคุกคามจากนาซีได้ก่อกำเนิด ทำให้สตีฟเกิดความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะรับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหาร แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าขาดความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
ในขณะนั้น “นายพลเชสเตอร์ ฟิลลิปส์” แห่งกองทัพบกสหรัฐ กำลังมองหาหนูทดลองสำหรับ “Operation Rebirth” โครงการลับสุดยอด เพื่อสร้างกองทหารที่ทรงพลัง และได้ยื่นข้อเสนอให้กับสตีฟ เขาไม่ลังเลใจที่จะเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร โดยผ่านการคัดเลือกก่อนจะกลายมาเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับเซรุ่ม “Super-Soldier” ซึ่งพัฒนาโดย “อับราฮัม เออร์สไกน์” นักวิทยาศาสตร์ผู้ใช้รหัสลับว่า “ดร. โจเชฟ ไรน์สไตน์” ด้วยการอาบรังสี “Vita” ทำให้สารเคมีในเซ่รุ่มทำปฏิกิริยากับร่างกาย เกิดเป็นความเปลี่ยนแปลงจากที่เคยเป็นหนุ่มอ่อนเเอกลับกลายเป็นมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งอย่างสูงสุดของขีดจำกัดมนุษย์
ทันทีที่การทดลองสำเร็จสายลับนาซีก็เปิดเผยตัวและสังหาร ดร. โจเซฟ ที่ไม่ยอมเผยรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่มีความสำคัญในการผลิตเซรุ่มนี้ อีกทั้งเพราะไม่มีจดบันทึก ทำให้ไม่มีใครสามารถทำซ้ำเซรุ่มนี้ได้อีก โดยสุดท้ายสายลับนาซีจะถูกสตีฟจัดการลงได้
หลังจากความล้มเหลวของโครงการ Operation Rebirth สหรัฐจึงเปลี่ยนแนวทางด้วยการสร้างภาพของสตีฟให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ต่อต้านการจารกรรมและสัญลักษณ์แห่งการโฆษณาชวนเชื่อของชาติ เพื่อต่อต้านกับ “Red Skull” กลุ่มก่อการร้ายของพวกนาซี โดยมอบเครื่องแบบลายธงชาติที่สตีฟเป็นผู้ออกเเบบพร้อมโล่กันกระสุนและอาวุธคาดเอว ในชื่อ “Captain America” โดยเขาต้องปกปิดสถานภาพซูเปอร์ฮีโร่ ด้วยการปลอมตัวเข้าไปเป็นพลทหารประจำกองทหารราบ ณ ค่าย “Lehigh” ในรัฐวอร์จีเนีย โดยสตีฟได้ผูกมิตรกับ “บั๊คกี้ บาร์นส์” ที่ดันล่วงรู้ถึงความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของสตีฟเข้า เขายอมที่จะปิดปากเพราะได้เป็นคู่หูร่วมปราบเหล่าอธรรม
กัปตันอเมริกาเเละบัคกี้
กัปตันอเมริกาเเละบัคกี้
ต่อมาสตีฟได้รับมอบโล่ใหม่ที่ทำจากเเร่ไวเบรเนี่ยม ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากในจักรวาลมาร์เวลจนเเทบจะไม่มีอะไรทำลายได้ เเถมสามารถดูดซับเเรงกระเเทกได้อย่างมหาศาลเเละสามารถเพิ่มความเเข็งเเกร่งได้เรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักเบาพอจะใช้ขว้างได้ดั่งบูมเมอร์แรง
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุด กัปตันอเมริกาและบั๊คกี้ได้ยับยั้งแผนร้ายของ “บารอน เซโม” นักวิทยาศาสตร์เเห่งกองทัพนาซีที่ต้องการทำลายเครื่องบินด้วยระเบิดจำนวนมาก ทั้งสองได้เข้าไปในตัวเครื่อง บั๊คกี้ได้พยายามปลดชนวนระเบิดก่อนเกิดการปะทุบนอากาศ ผลลัพธ์คือ ทุกคนเชื่อว่าบั๊คกี้ได้เสียชีวิตไปพร้อมกับเครื่องบิน ส่วนกัปตันอเมริกาก็ตกลงไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือซึ่งน้ำเย็นจัดจนถึงจุดเยือกแข็งผู้คนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้ว
เวลาล่วงเลยไป เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ทีม “The Avengers” ได้พบร่างของสตีฟในเครื่องแบบกัปตันอเมริกาในสภาพที่ยังคงถือโล่ ถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็ง เมื่อช่วยออกมาก็ปรากฏว่าเขายังมีชีวิตอยู่ อันเป็นผลจากการทดลองโครงการ Operation Rebirth เมื่อปะติปะต่อเรื่องราวก็พบว่า กัปตันอเมริกานั้นถูกแช่แข็งตั้งแต่ปี 1945 หลังจากนั้นสตีฟก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม The Avengers ด้วยความเป็นผู้นำที่มีสปิริทเเรงกล้าเขาจึงกลายเป็นหัวหน้าทีมในเวลาอันรวดเร็วและดำรงตำแหน่งนี้เรื่อยมา

THOR เทพเจ้าสายฟ้า

THOR เทพเจ้าสายฟ้า

เทพเจ้าสายฟ้าบุตรแห่ง Odin ผู้ปกครองเหล่าเทพเจ้าเเห่งดินเเดน Asgard เขาเติบโตมาพร้อมกับพี่น้องบุญธรรม Loki และได้รับมอบ Mjornir ค้อนแห่งเทพสายฟ้าจากบิดาของเขา ในช่วงวัยหนุ่มเขาเป็นเทพที่เจ้าอารมณ์ ใจร้อน หัวรุนแรง และกระหายชัยชนะ 
        ความรุนแรงในตัวเขาปรากฎให้เห็นเด่นชัดในสงครามระหว่างเทพแห่งแอสการ์ดกับ เหล่ายักษ์น้ำแข็งแห่ง Jotunheim โอดินเห็นว่าควรให้ทอร์เรียนรู้ความดีงามและความเมตตา จึงได้จัดการส่งทอร์ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ และลบความทรงจำของเขาในร่างของ Dr. Donald Blake นายแพทย์ผู้มีขาพิการ ในร่างของเบลคเขาได้เรียนรู้ถึงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ การช่วยเหลือคนป่วย และเรียนรู้ความเศร้าที่เกิดจากความตายของผู้คน
        เมื่อโอดินเห็นว่าบุตรชายของเขาเรียนรู้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว จึงบันดาลให้เบลคประสบเหตุให้ต้องไปติดอยู่ในถ้ำเเห่งหนึ่งในนอร์เวย์ เขาได้พบไม้เท้า ซึ่งเมื่อเขากระแทกไม้เท้าลงพื้น เขาได้กลับกลายสู่ร่างแห่งเทพสายฟ้า ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไม้เท้านั้นคือ Mjornir ที่โอดินส่งมายังโลกมนุษย์นั้นเอง!
        ในด้านของพลังนั้น ทอร์มีพละกำลัง ความแข็งแกร่งระดับเทพเจ้า สามารถควมคุมพายุ และสายฟ้าได้จากพลังของค้อน mjolnir ทั้งยังสามารถยิงพลังได้ เปิดประตูมิติได้ เเละทำให้บินได้ ทอร์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในอวกาศ ไม่ต้องการอาหารเเละน้ำดื่ม ทอร์มีความเป็นผู้นำสูง มีพลังใจที่กล้าหาญเเละหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีความเป็นเทพเจ้าของตน



IRON MAN



IRON MAN ( ANTHONY STARK ) – ประวัติตัวละคร


เพศ ชาย
ส่วนสูง ไม่ใส่ชุดเกราะ 6’1″
เมื่อสวมขุดเกราะ 6’6″
น้ำหนัก 225 lbs ( 102 kg )
425 lbs ( 193 kg )
สีตา ฟ้า
สีผม ดำ

พลังและความสามารถ

-Armor : Iron Man มีชุดเกราะที่เก็บสะสมไว้มากมายราวๆ 42 ชุดหรืออาจจะมากว่านั้น และในฐานะที่เขาเป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เขาจึงสามารถนำเงินอันมากมายมหาศาลเหล่านั้นมาพัฒนาชุดเกราะของเขาให้สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างหลากหลายสถานการณ์ และเขายังได้พัฒนากระเป๋าถือพิเศษให้สามารถนำพาชุดเกราะต่างๆติดตัวไปได้ตลอดเวลาอีกด้วย แต่ก็จะมีชุดเกราะบางรุ่นที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะบรรจุใส่กระเป๋าได้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องใช้โมดูลแยกไว้ต่างหาก
เดิมที ชุดเกราะรุ่นแรกๆของ Iron Man นั้นจะมีลักษณะที่ใหญ่โต และเคลื่อนไหวได้ช้าเพราะทำจากโลหะหนัก แต่ก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและอาวุธมากมาย เช่น อาวุธแสงทำลายล้าง เลื่อยไฟฟ้า และเครื่องพ่นไฟ แต่ชุดเกราะรุ่นแรกๆของ Iron Man นั้นจะยังไม่สามารถบินได้ แต่เขาก็ยังคงพัฒนาชุดเกราะของเขามาเรื่อยๆหลายต่อหลายชุดจนมาสู่ชุดเกราะสีแดง-ทอง สุด classic ที่เรามักได้เห็นกันบ่อยๆ ซึ่งเขาก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาชุดเกราะของเขาต่อไปเรื่อยๆอีกเช่นเคย
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
***พัฒนาการชุดเกราะของ Iron Man ( บางชุด )
-Mark 1 : เป็นชุดเกราะที่ Iron Man ใช้เพื่อหนีจากการจับกุมของผู้ก่อการร้าย โดยเป็นชุดที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็กและกลไกเท่าที่พอหาได้ในขณะนั้น อาวุธในชุดเกราะประกอบไปด้วยปืนไฟแรงดันสูง จรวดขนาดพกพา การเตะต่อยจากสายพาน และไอพ่นที่เท้า
-Mark 2 : มีจุดเด่นตรงสีขาวมันวาว เป็นชึดเกราะชุดแรกที่ Stark ลงมือทำเองทุกจุด โดยชึดนี้เป็นขึดที่ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้ในการต่อสู้ หากแต่ Tony เพียงลองผลิตเพื่อใช้ในการบิน และทดสอบความแข็งแกร่งเท่านั้น เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อไป จุดอ่อนอีกอย่างของเกราะชุดนี้นั่นคือความหนักและการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างช้า
-Mark 3 : คือชุดเกราะที่ได้รับการพัฒนามากจาก Mark 2 ต่างกันแค่สีและวัสดุเท่านั้น โดย Mark 3 จะมีสีแดงทองในแบบที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี ชุดนี้ยังมีอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆที่ครบครันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจรวดมิไซส์ที่บรรจุอยู่ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าว จรวดทำลายล้างที่บรรจุอยู่ที่แขนและสามารถนำมากางเป็นโล่ห์ในการป้องกันได้ด้วย ส่วนที่เอสก็ยังมีพรุไฟระเบิดที่ใช้สำหรับการทำลายอาวุธของศรีตรูที่ไล่ตามมา และที่มือก็ยังมีอาวุธสุดร้ายแรงนั่นก็คือลำแสงทำลายล้างนั่นเอง
-Mark 4 : ในชุดนี้จะเพิ่มขึ้นในส่วนของไอพ่นและปรับรูปร่างให้ปราดเปรียวขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่อาวุธและอุปรณ์ต่างๆแทบไม่มีอะไรแตกต่างจาก Mark 3 เลย
-Mark 5 : เป็นชุดแรกเริ่มที่ Stark สามารถนำพกพาไปด้วยได้ตลอด โดยเป็นชุดพกพาในรูปแบบของกระเป๋า จึงค่อนข้างตัดระบบหลายๆอย่างออกไปเพื่อให้ง่ายต่อการย่อยัดและพกพา โดยอาวุธในการโจมตีมีเพียงแค่ปืนแสงอย่างเดียวเท่านั้น
-Mark 6 : ชุดนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในชุดที่เพอร์เฟ็กต์สุดๆเลยก็ว่าได้ ครบครันไปด้วยอาวุธที่หลากหลาย เช่น ลำแสงที่สามารถยิงออกได้ทั้งจากมือและอก ปืนเลเซอร์ จรวดที่ไหล่กับแขน ฯลฯ
-Mark 7 : เป็นชุดที่พัฒนาระบบไอพ่นให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มอาวุธต่างๆเข้าไป เช่น จรวดลูกเล็กๆที่ไหล่และน่อง จรวดทำลายล้างขนาดใหญ่ที่แขน และปืนเลเซอร์แบบยิงยาวที่ข้อมือ
-Mark 17 HEARTBEAKER : เป็นชุดที่มีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดได้ดี เพราะมีวัสดุในการป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม และจากเดิมที่ Stark มักจะทำระบบการยิงอาวุธแสงไว้ที่มือและอก แต่เขาได้เปลี่ยนมันมาไว้ที่อกอย่างเดียวเพื่อให้ยิงได้แรงมากขึ้นนั่นเอง
-Mark 20 PYTHON : เป็นชุดที่สามารถกักเก็บพลังงานได้อย่างมากมาย มีความสามารถในการบินได้ค่อนข้างไกล สามารถบินวนรอบโลกได้อย่างน้อย 2-3 รอบก่อนที่พลังงานจะเริ่มหมดลง และเป็นชุดที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาซึ่งมันข่วยให้เขาบินได้อย่างรวดเร็วและทรงตัวในการบินได้เป็นอย่างดี
-Mark 21 MIDAS : เป็นชุดเกราะสีทองอร่าม สร้างขึ้นมาเพื่อกลบจุดอ่อนของชุดเกราะอื่นๆของเขา ชุดนี้มีความสามารถในการบินขึ้นไปในที่สูงๆมากๆ ซึ่งชุดเกราะอื่นๆของเขาจะไม่สามารถทำได้ ส่วนระบบอาวุธเหมือนกับ Mark 7 ทุกอย่าง
-Mark 22 HOTROT : เป็นชุดที่มีน้ำหนักเบา แต่สามารถป้องกันการโจมตีได้สูงมาก
-Mark 33 SILVER SENTURION : ความพิเศษของชุดนี้คือมีใบมีดซ่อนอยู่ที่มือทั้ง 2 ข้างและที่หน้าอก
-Mark 35 REDSNAPPER : เป็นชุดเกราะที่มีขนาดใหญ่กว่าชุดเกราะรุ่นอื่นๆ สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ระยะประชิดได้ดี ด้วยการออกแบบแขนให้เป็นทรงกล้ามปู ทำให้เกราะชุดนี้มีคุณสมบัติในการบดขยี้ศรัตรูที่สูงมาก
-Mark 36 PEACEMAKER : เป็นชุดเกราะที่มีความสามารถในการสลายจราจลได้ดี โดยมีคลื่นเสียงซุปเปอร์โซนิคเพื่อใช้สำหรับการโจมตี ชุดนี้คือไร้อาวุธ เช่น กระสุนมิไซส์ หรือจรวดต่างๆ แต่ก็ยังคงสามารถยิงลำแสงทำลายล้างได้เช่นเดิม
-Mark 37 HAMMERHEAD : เป็นชุดเกราะที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และหนามากว่าชุดอื่นๆของเขา มีไว้เพื่อสำหรับทำภารกิจใต้น้ำที่ต้องต้านทานต่อแรงกดดันในน้ำอันมหาศาล มีท่อพ่นใต้น้ำเพื่อให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังสามารถบินได้ด้วย มีระบบอาวุธคือตอปิโด แต่จะกำจัดยิงได้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ด้วย
-Mark 39 STARBOOST : เป็นชุดที่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปยังอวกาศได้
-Mark 40 IGOL : เป็นชุดเกราะที่มีพละกำลังมหาศาล
-Mark 41 SKELETION : เป็นชุดที่ใช้สำหรับการต่อสู้ระยะประชิด มีน้ำหนักเบาและเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่มีจุดอ่อนคือเรื่องของความคงทนที่ค่อนข้างต่ำ
-Mark 42 : เป็นชุดที่ไม่มีความพิเศษมากนัก เพียงแต่สามารถบังคับได้จากระยะไกล ส่วนอาวุธจะมีเพียงแค่จรวดที่มือทั้งสองข้างเท่านั้น
***ชุดเกราะที่ Iron Man ใช้ในการปฏิบัติภารกิจพิเศษและชุดเกราะต่างๆที่น่าสนใจ
-Extremis Armor : เป็นชุดเกราะที่ผสานเข้ากับร่างกายของ Stark โดยเขาได้เก็บชุดเกราะนี้ไว้ที่ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลัง เขาสามารถสวมชุดเกราะนี้ได้อย่างรวดเร็วโดยสั่งการผ่านคลื่นสมองโดยตรง และชุดเกราะนี้ยังสามารถทำให้เขาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆได้ทั่วโลกอีกด้วย
-Space Armor : เป็นเกราะที่มีความสามารถในการรับแรงกดดันที่สูงมาก ซึ่งมันช่วยให้เขาสามารถท่องอวกาศได้
-Stealth Armor Mark I : เป็นชุดเกราะสีดำมันวาวที่ชุดให้ Iron Man สามารถพรางตัวได้ และมันยังมีคุณสมบัติในการหลบเลี่ยงคลื่นตรวจจับจากดาวเทียมหรือเรดาร์ต่างๆได้เป็นอย่าดีอีกด้วย
-Silver Senturion : เป็นเการะที่มีสีแดง-เงิน มีระบบภายในที่ล้ำสมัยสุดๆ และมันยังใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์อีกด้วย Stark จึงสามารถใช้ชุดเกราะชุดนี้ในการต่อสู้กับศรัตรูได้เรื่อยๆตราบเท่าที่เขายังอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เขาใช้ชุดเกราะชุดนี้ในการต่อสู้กับสแตนแลไอออนมองเกอร์และเอาชนะมาได้ในที่สุด
-Undersea Armor : เป็นชุดเกราะที่ทำให้ Iron Man สามารถทำภาระกิจต่างๆที่ต้องลงไปใต้มหาสมุทรได้อย่างปลอดภัย
-War Machine : เป็นชุดเกราะที่ติดอาวุธหนัก และมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูง
-Crossing Armor : เป็นเกราะที่มีความสามารถในการป้องกันการโจมตีทางจิต และเป็นชุดเกราะที่เขานำมาใช้ต่อสู้กับ Emma Frost และเอาชนะเธอได้ในที่สุด
-Prometheum : เป็นชุดเกราะที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวมันเองที่อาจเกิดจากการโจมตีของศรัตรูจนเสียหาย
-SKIN Armor : เป็นเกราะที่สร้างขึ้นจากโลหะเหลวที่มีความแข็งแกร่งทนทานใกล้เคียงกับแร่ Adamantium ถือว่าเป็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งเกือบจะที่สุดของ Iron Man เลยก็ว่าได้ ภายในเกราะยังบรรจุไปด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย เช่น จรวดมิไซส์ อุปกรณ์ที่ช่วยในการพรางตัว อุปกรณ์สอดแนม ฯลฯ
-Stealth Armor Mark III : เป็นชุดเกราะที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับ Black Panther มันถูกสร้างขึ้นด้วยเซรามิคผสมกับวัสดุคล้ายเคฟร่า มันมีความแข็งแกร่งในระดับที่สามารถป้องกันกรงเล็บของ Black Panther ได้ และมันยังเป็นขุดเกราะที่ช่วยให้เขาสามารถนำไปใช้ต่อสู้กับ Magneto ได้อีกด้วย
-Thorbuster : เป็นชุดเกราะที่ Iron Man สร้างขึ้นไว้เพื่อรับมือกับธอร์ ใช้แหล่งพลังงานจากคสิสตัลแอสการ์ด ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมหาศาล
-Ablative Armor : เป็นชุดเกราะที่ถูกออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากรวงผึ้ง มีคุณสมบัติในการป้องกันโดยการซ้อนเป็นชั้นๆ เมื่อมีชิ้นไหนเสียหายชิ้นต่อไปที่ถูกซ้อนอยู่ข้างใต้ก็จะเด้งออกมาแทนที่เรื่อยๆ วามารถใช้แสงโพลีเมอร์ในการช่วยซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายได้ และเกราะนี้ยังมีคุณสมบัติในการสร้างพายุหมุนอีกด้วย เป็นเกราะที่ Stark สร้างขี้นเพื่อใช้รับมือกับพวกปรสิตต่างดาว
-Anti-Rediantion Armor : เป็นเกราะที่มีคุณสมบัติในการดูดซับการโจมตีที่เป็นพลังงาน เช่น ลำแสง Obtic-Bast ของ Cyclops หรือสายฟ้าของ Storm และเกราะชุดนี้ยังติดอาวุธแสงสุดร้ายแรงอย่างพัลเซอร์และยูนิบีมอีกด้วย
-High Suit : เป็นเกราะที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพแรงดึงดูดสูงๆ และมันยังมีคุณสมบัติในการสูบฉีดโลหิตในร่างกายอีกด้วย
-Hulkbuster Armor I : ชุดเกราะที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับ The Hulk
-Hulkbuster Aromr MK II : เป็นชุดที่พัฒนาข้ามไปอีกขั้น ใช้เพื่อสำหรับการรับมือกับ Hulk แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะ Hulk ได้อยู่ดี
-Hypervelocity Armor : ชุดเกราะที่มีจุดเด่นตรงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความจุอันมหาศาลถึงขนาดแบ็คอัพความคิดทั้งหมดของ Stark ลงไปได้ ถึงแม้ว่าในการต่อสู้จะทำให้เขาหมดสติลงแล้ว แต่ขุดเกราะนี้ก็ยังคงสามารถที่จะต่อสู้แทนเจาได้แม้ปราศจากการควบคุม
-Tin Man : เป็นเหมือนหุ่นยนต์สำรวจมากกว่าชุดเกราะ เพราะ Stark จะสามารถควบคุมมันในการปฏิบัติภารกิจจากระยะไกลได้โดยที่ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง โดยชุดเกราะนั้นมีทั้งระบบขับเคลื่อนใต้น้ำ และระบบตรวจจับคลื่นความผิดปกติต่างๆอีกด้วย
*************************************
– เขามีสมองอันชาญฉลาด Stark สามารถเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology ในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น เขาถูกจัดให้เป็น 1 ในผู้ที่ฉลาดที่สุดในจักรวาล Marvel
-Expert Enginear : Stark เป็นอัจฉริยภาพทางด้านวิศวรรมเครื่องกล เขาสามารถซ่อมแซมเครื่องจักรกลได้แทบทุกชนิด
-Expert Bunsinessman : เขาเป็นนักคิดและมีความสามารถในการบริหารธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
-Expert Tactician : Stark เป็นนักยุทธศาสตร์และนักยุทธวิธีที่แสนฉลาด เขาสามารถเอาชนะศรัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขาได้ด้วยแผนการอันแยบยลที่เขาคิดขึ้น
-Skilled Hand to Hand Combatant & Skilled Martial Artist : เขามีความสามารถในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยได้รับการฝึกฝนมาจาก Captain America,Black Widow,Black Panther และ Shang-Chi
-Trained Marskman : มีความสามารถในการใช้อาวุธปืน
-Indomitable Will : Stark นั้นไม่ใช่ฮีโร่ที่เก่งกาจหรือแข็งแกร่งมากนัก แต่ข้อดีของเขาคือจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้ให้แก่ศรัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถกเถียงมาช้านาน ว่าความแข็งแกร่งของชุดเกราะที่เขาสวมใส่นั้นว่าอาจจะมีปัจจัยของจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นได้